"Self-conquest is the greats of victory" การชนะใจตนเอง คือ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

6/10/2010

ทองคำกับวิกฤตหนี้ยุโรปจับตาขาขึ้นในสถานการณ์ผันผวน

ทองคำจึงเป็นสิ่งที่มีความปลอดภัยสูง ต่างจากเงินตรากระดาษ หรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายกันบนกระดานเพราะมูลค่าของทองคำจะไม่สลายไป

หากเพชรคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้หญิง ทองคำคือเพื่อนที่ดีที่สุดของนักลงทุนไม่ว่าสตรีหรือบุรุษเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ระบบการเงินและเศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะผันผวนอย่างรุนแรง

ในภาวะเช่นนั้น ค่าของเงินจะตกต่ำ หลักทรัพย์จะไร้เสถียรภาพ สินทรัพย์ที่อิงกับมูลค่าสมมติทั้งหลายจะถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง นักลงทุนจะตะเกียกตะกายกันกว้านซื้อและเก็งราคาทองคำ สินทรัพย์ที่มีค่าในตัวของมันเอง และปราศจากแนวโน้มที่ราคาจะตกลงอย่างรุนแรงเหมือนสินทรัพย์ประเภทอื่น

ทองคำจึงเป็นสิ่งที่มีความปลอดภัยสูง ต่างจากเงินตรากระดาษ หรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายกันบนกระดาน เพราะมูลค่าของทองคำจะไม่สลายไปเหมือนอากาศธาตุหากเกิดความโกลาหลขึ้น ไม่ว่าจะด้วยวิกฤตการเงิน หรือด้วยวิกฤตเงินเฟ้อรุนแรงถึงขีดสุด

ในสัปดาห์นี้ราคาทองคำในตลาดโลกถีบตัวขึ้นมาแตะระดับสูงสุดประวัติการณ์ด้วยสาเหตุเดียวกับที่เคยหนุนระดับราคาจนทะลุสถิติเดิมมาแล้ว นั่นคือความกังวลของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการเงินโลก

โดยปกติแล้วสิ่งที่จะกำหนดทิศทางราคาทองคำมักเป็นความต้องการที่มาจากกองทุนทองคำ GETF พร้อมด้วยความต้องการจากผู้ซื้อรายย่อย แต่มีกำลังซื้อสูงเพื่อการส่งออกไปยังตลาดที่มีความต้องการต่อเนื่อง เช่น อินเดีย และความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลก ส่วนใหญ่มักเป็นความต้องการในระยะยาว

แต่ในสถานการณ์คับขันจะมีแรงซื้อระยะสั้นถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย และทำให้แนวโน้มราคาเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วนักลงทุนต่างกอบโกยทองคำมาครอบครองกันเป็นการใหญ่ เพื่อรับมือกับการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเหรียญสหรัฐประจวบเหมาะกับโลกเข้าสู่มุมอับของวิกฤตการเงิน และภาวะเศรษฐกิจถดถอยพอดี ความต้องการทองคำจากอินเดียและจีนซึ่งถดถอยลง จึงได้รับแรงหนุนในทันทีจากแรงซื้ออื่นเพื่อแสวงหาความปลอดภัยด้านการลงทุน

มาวันนี้ กลางปี 2553 ทองคำเริ่มเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นที่สั่นคลอนอีกครั้ง
วันที่ 8 มิ.ย. ราคาทองคำดีดขึ้นมาแตะระดับ 1,250 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะถอยลงมาปิดที่ระดับ 1,243.50-1,244.50 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในตลาดทองคำของฮ่องกง


ด้วยปัจจัยที่สำคัญที่สุด วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป แม้ว่าในวันเดียวกันนั้น ยูโรโซน หรือกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยุโรจะผลักดันกองทุนมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพยุงสถานการณ์ แต่ปฏิกิริยาตอบรับไม่เป็นที่พึงพอใจของนักลงทุนเท่าที่ควร ดังจะเห็นได้จากตลาดหุ้นในยุโรปต่างทิ้งตัวลงมาในระดับต่ำที่สุดในรอบ 2 เดือน

เมื่อหุ้นล้มเหลวที่จะตอบรับข่าวดี ทองคำจึงเป็นทางเลือกไม่กี่ทางที่เหลือสำหรับนักลงทุนที่เริ่มกระวนกระวายกับแนวโน้มด้านลบที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานะของเงินยูโร ที่อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี ความน่าเชื่อถือจึงยิ่งเทมายังทองคำอย่างล้นหลาม

แม้ว่าราคาทองคำในวันต่อมา (9 มิ.ย.) จะอ่อนแรงลงมาอยู่ที่ 1,233.00-1,234.00 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แต่ปฏิกิริยาของตลาดหุ้น และความผันผวนของเงินยูโรจะเป็นปัจจัยที่ชี้นำราคาทองคำต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย พิจารณาจากเงื่อนไขในยุโรปเองที่ยังห่างไกลจากเสถียรภาพ

ดังจะเห็นได้ว่า แม้ตลาดหุ้นและราคาทองคำจะเริ่มตอบรับกองทุน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐของยูโรโซน ซึ่งอาจช่วยรองรับความวิตกของนักลงทุนในระดับหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันปัญหากลับแสดงตัวขึ้นอีกจุด นั่นคือการที่เศรษฐกิจของฟินแลนด์ช่วงไตรมาสแรกถอยกลับเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้งอย่างเหนือความคาดหมาย หลังจากที่สามารถขยับขยายได้ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีที่แล้วจนเป็นที่น่าชื่นใจของทุกฝ่าย

ด้วยเหตุนี้ยุโรปจึงมีประเทศที่ยังจมอยู่ในภาวะถดถอยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ประเทศ รวม 3 ประเทศ อันได้แก่ ไอร์แลนด์ กรีซ และฟินแลนด์ โดยเฉพาะ 2 ประเทศแรกมีภาวะหนี้สินในระดับที่น่ากังวลอย่างยิ่ง และไม่เพียงบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจยุโรปเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวมด้วย

สิ่งที่พึงตระหนักสำหรับปรากฏการณ์ราคาทองคำทำราคาในครั้งนี้ คือราคาทองไม่เพียงทุบสถิติราคาซื้อขายผ่านเงินเหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่ยังทุบสถิติกับสกุลเงินอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินยูโร ปอนด์ ฟรังก์สวิส รวมถึงเงินเหรียญออสเตรเลียที่ราคาทองคำทุบสถิติในรอบ 4 เดือน ขณะที่เงินเหรียญนิวซีแลนด์ทุบสถิติในรอบ 15 เดือน

หมายความว่าทองคำกำลังมีปฏิกิริยาต่อเศรษฐกิจโลก หาใช่เฉพาะสารพันปัญหาในยุโรปเท่านั้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง วิกฤตของยุโรปก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ลุกลามไปทั่วทุกสารทิศ

โอกาสที่ทองคำจะพยายามฝ่าระดับ 1,250 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จึงยังมีอยู่ และเป็นโอกาสที่สูงในระดับหนึ่งหากสถานการณ์ในยุโรปยังไม่นิ่ง

อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเช่นกันที่ราคาทองคำจะทิ้งตัวอย่างไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากการเก็งกำไร

หว่องเอ็งซุน นักวิเคราะห์จากบริษัท Phillip Futures Pte Ltd กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่า นักลงทุนควรตั้งการ์ดรับกระแสขาขึ้นของราคาทองคำในทันทีที่ราคาถอยลงมาอยู่ต่ำกว่า 1,230 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

ความไม่ประมาทย่อมเป็นหนทางอันประเสริฐอยู่เสมอในภาวการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินที่ยังตกอยู่ในความสับสน

โพสต์ทูเดย์ 10 มิถุนายน 2553

No comments:

Post a Comment