"Self-conquest is the greats of victory" การชนะใจตนเอง คือ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

8/20/2009

ความสัมพันธ์ของ Elliott Wave


"ความสัมพันธ์ของ Elliott Wave "
Elliott Wave ประกอบด้วยลูกคลื่นในขาขึ้น 5 ลูก ( 1-2-3-4-5) และลูกคลื่นในขาลง 3 ลูก (a-b-c) ในช่วงขาขึ้นเราเรียกว่า Impulse ส่วนขาลงเราเรียกว่า Correction โดยหากเป็นช่วงตลาดหมี ขาลงก็จะกลับกัน คือลง 5 ลูก ขึ้น 3 ลูกแทน และในคลื่นนึง ก็จะประกอบด้วยคลื่นเล็กๆ เสมอ

จะดูยังไงว่าคลื่นไหนเป็นคลื่นไหน
คลื่นที่ 1
ไม่มีใครกะได้ว่า จะจบตรงไหน เพราะเพิ่งเริ่มคลื่นใหม่ เราทำได้ คือรอให้มันจบคลื่น 1 ก่อน แต่อย่างน้อยที่สุด คลื่นย่อยในคลื่น 1 ควรจะประกอบด้วย 5 คลื่น ไม่ใช่ 3 คลื่น หากนับได้ 3 คลื่นเมื่อไหร่ ตีความได้ว่าการ correction ของคลื่นรอบที่ผ่านมา ยังไม่จบจริง เป็นเหตุให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าในคลื่น 1 นั่นเอง
คลื่นที่ 2
จบเมื่อไหร่ จึงจะรู้ว่า คลื่นลูกเมื่อกี๊น่ะ คลื่นที่ 1
คลื่น 2 จะไม่ต่ำกว่าคลื่น 1 ปกติ เมื่อจบคลื่น 2 เราก็จะใช้ก้นคลื่น 2 ในการหาเป้าหมายคลื่น 3 ได้ตามหลัก คลื่น 2 มักจบแถว 61.8% หรือ 78.6% โดยหากเด้งขึ้นจากแถวนี้ได้แรงๆ ผ่านยอดคลื่น 1 มาได้ เราก็คาดได้ว่า นั่นน่าจะเป็นขา 2 และกำลังขึ้นคลื่นลูกที่ 3 ต่อ
คลื่น 3 สุด hot
ใครๆก็รอขา 3 เพราะขา 3 มักจะยาวและทำกำไรได้มาก และความเสี่ยงต่ำที่สุด แต่กว่าจะรู้ว่าเป็นขา 3 บางทีมันก็เดินทางมาครึ่งทางแล้วครับ ตัวคลื่น 3 เอง ก็ประกอบด้วยคลื่นย่อยในตัว 5 คลื่น กว่าเราจะเห็นชัดๆว่า นี่คือคลื่น 3 ก็ต่อเมื่อเราจบคลื่น 2 ของ 3 และกำลังเข้าคลื่นย่อยขา 3 ของคลื่นหลักขา 3 แล้ว ทฤษฎีมีว่า ขา 3 มีโอกาสขึ้นมาได้อย่างน้อย 161.8% เมื่อวัดจากยอดขา 1 ถึง ขา 2 และหากแรงๆ ก็จะไป 261.8% หรือกระทั่ง 423.6% ก็ได้
คลื่น 4 คืนกำไร
คลื่นลูกนี้ไม่ค่อยแนะนำให้เล่น เพราะคาดการณ์ยากครับ ตามทฤษฎีบอกว่า ขา 4 จะลงไม่ถึงขา 1แต่บางครั้ง มันก็อาจจะลงมาต่ำกว่าขา 1 นิดหน่อยเหมือนกัน
คลื่น 5 คนกล้า
เพราะเป็นคลื่นที่ไม่มีความแน่นอน พร้อมที่จะล้มเหลวเมื่อไหร่ก็ได้ จึงเป็นคลื่นที่ไม่มีแรง คลื่นสำหรับคนตกขบวนที่เข้าไม่ทันในคลื่น 3 ลองเข้ามาเสี่ยงทำกำไรเล็กน้อย ก่อนการปรับฐาน
คลื่น a ปรับฐาน
เป็นคลื่นแรกของการปรับฐาน ที่อาจรุนแรงรวดเดียว หรือเพียงเบาะๆก็ได้ คลื่น a กับ คลื่น c เป็นคลื่นขาลงเหมือนกัน แต่ปกติหากมีคลื่นอันใดอันหนึ่งที่ยาว อีกอันก็จะสั้นๆครับ
คลื่น b ถอนตัว
จบคลื่น a ราคามักจะดีดกลับขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะบางคนก็เชื่อว่า การปรับฐานจบแล้ว บางคนก็เชื่อว่า ที่ผ่านมา คงเป็นแค่คลื่น 3 ขอเล่นคลื่น 5 ต่อ คุณสมบัติของคลื่น b ต้องดูสัญญาณประกอบครับ โดยเฉพาะ Stoch กับ Rsi มักขึ้นมาเร็วมาก ราคาอาจสูงกว่าหรือต่ำกว่าคลื่น 5 ก็ได้ ให้ดูสัญญาณเป็นสำคัญ และรีบถอนตัวเมื่อยอดสัญญาณเลยยอดสัญญาณของคลื่น 5
คลื่น c ปรับฐาน
การ correction หรือการปรับฐาน จะจบด้วยขา c โดยขา c มักจบที่ 78.6% เมื่อวัดจากยอดคลื่น 5 ถึงฐานของคลื่น 1 หากลึกกว่านั้น แปลว่าตลาดอาจกลับสภาวะจากกระทิงเป็นหมีไปแล้วก็ได้
RSI นับคลื่น
ให้ดูยอดคลื่นที่สูงที่สุดของ RSI เทียบกับยอดคลื่นราคาครับ ยอดคลื่น RSI ที่สูง จะตรงกับคลื่น 3 และคลื่น b เสมอ
ต้องใช้หลายๆ อย่างประกอบรวมเข้าด้วยกัน
- การดูความสัมพันธ์กันของ Elliott Wave ในแต่ละ Timeframe
- ความสัมพันธ์ของ Oscillator Indicators ที่บอก Overbought , Oversold ในแต่ละ Timeframe
- การใช้ Fibonacci ในการหา TP และความน่าจะเป็น ในการกลับตัวของ Trend
- Support - Resistance หลักๆ ของวัน และในแต่ละ Wave
- และก็ดูแนวโน้มของตลาด , อารมณ์ของตลาด และสำคัญอารมณ์ของตัวเราเองครับ

บทสรุป ELW

1 Elliott wave เป็นเครื่องมือ ชนิดหนึ่ง เพื่อใช้คาดหมายพฤติกรรมของตลาด หรือความน่าจะเป็น ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แม้ บางครั้ง Elliott wave สามารถคาดการณ์สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นได้ล่วงหน้าได้แม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ก็ไม่ได้เป็นจริง หรือถูกหมดทุกครั้ง ต้องอาศัยการแก้ไขเมื่อความจริงปรากฏ

2. Elliott wave จะมีประโยชน์อย่างเต็มที่เมื่อนำมาใช้ อย่างง่ายๆ เช่นการดูว่าขณะนี้เป็น Impulse หรือ Corrective wave เพื่อตัดสินใจดำเนินการไปตามแนวทางนั้น

3. ใช้ความน่าจะเป็นให้เป็นประโยชน์ แทนการตัดสินใจด้วยอารมณ์ การต่อสู้ในตลาด นอกจากจะต้องต่อสู้กับนักลงทุนอื่นๆแล้ว สิ่งที่ยากยิ่งคือการต่อสู้กับอารมณ์ของตัวเอง

4. เมื่อจะเข้าถือ position ต้องให้รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมจึงควรทำเช่นนั้น การ Enter/Exit จากสถานะเดิม มีอะไรเป็นตัว Trigger อะไรเป็นตัวก่อให้เกิดสัญญาณนั้น

No comments:

Post a Comment