เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะและความอ่อนแอในภาคการเงิน ของประเทศยุโรป รวมถึงกรีซ ทำให้นักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของกรีซส่งผลให้ S&P ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A-
นักลงทุนถือเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เตือนว่าระบบการธนาคารที่อ่อนแอของอังกฤษอาจทำให้อันดับเครดิตของอังกฤษตก อยู่ในความเสี่ยง ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดสกุลเงินปอนด์ร่วงลงด้วย
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2552 ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์(20:30) http://www.ryt9.com/s/iq03/785713
"Self-conquest is the greats of victory" การชนะใจตนเอง คือ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
1/29/2010
1/12/2010
แกะรอยหนี้รัฐยุโรปพุ่ง ส่อเค้าโลกเจอวิกฤติใหม่
รายงาน : กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553
สื่อชั้นนำของโลกอย่างนิวส์วีค-อีโคโนมิสต์ ร่วมกับโออีซีดีและมูดี้ส์ ให้ข้อมูลวิเคราะห์ตามติดปัญหาหนี้หลายประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดวิกฤติรอบใหม่ซ้ำรอยดูไบผิดชำระหนี้ ด้วยการติดตามดูหนี้รัฐเทียบจีดีพีที่สูง ศักยภาพบริหารงานเศรษฐกิจด้อยลง ผสมความอ่อนไหวการเงินเรื่องความสามารถชำระหนี้รัฐกับเอกชนในประเทศ ล้วนเป็นสัญญาณอันตรายบ่งชี้วิกฤติโลกครั้งต่อไป กำลังคืบคลานจากดูไบไปยังภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะยุโรป
การประกาศขอเลื่อนชำระหนี้ 3.5 พันล้านดอลลาร์ของรัฐบาลดูไบ ที่จะครบกำหนดชำระเดือน ธ.ค.ปีนี้ ไปเป็นเดือน พ.ค.ปีหน้า ก่อวิกฤติศรัทธาเพียงชั่วข้ามคืนในหมู่นักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะนักลงทุนเอเชียขวัญอ่อนกว่าใครเพื่อน พากันเทขายหุ้นจนบางตลาดร่วงมากสุดเกือบ 5% เมื่อวันศุกร์ (27 พ.ย.2552) ส่วนตลาดหุ้นดูไบเองเมื่อต้นเดือนธ.ค.ปีนี้ร่วงต่อเนื่อง ทำสถิติร่วงมากสุดกว่า 6%
หลังจากข่าวดูไบพักชำระหนี้ เขย่าขวัญนักลงทุนได้ไม่นาน อีก 2-3 สัปดาห์ถัดมา ปรากฏข่าวร้อนสร้างความวิตกให้นักลงทุน เมื่อฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อของกรีซลงมาอยู่ระดับ BBB+ จากเดิม A- ถือเป็นการลดอันดับครั้งแรกในรอบ 10 ปี และเป็นครั้งแรกความน่าเชื่อถือของกรีซถูกลดลงมาต่ำกว่าระดับ A
ต่อมาอีก 2 วัน ภายหลังการเผยแพร่ข่าวกรีซถูกปรับลดความน่าเชื่อถือของประเทศ ทางสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือเอสแอนด์พี ได้ประกาศปรับลดเรทติ้งแนวโน้มประเทศของสเปนลง 1 ขั้น และปรับลดเรทติ้งแนวโน้มของไอร์แลนด์จากมีเสถียรภาพเป็นติดลบ
สำหรับการลดเรทติ้งสเปน จาก AAA เป็น AA+ ด้วยเหตุผลที่ว่าสเปนเผชิญกับภาวะซบเซาในการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นเวลานาน และมีแนวโน้มที่จีดีพีจะขยายตัวต่ำกว่า 1% ต่อปี เพราะหนี้ภาคเอกชนสูง และตลาดแรงงานตึงตัว พร้อมเตือนอีก 2 อาจลดเรทติ้ง หากรัฐบาลไม่ใช้มาตรการเชิงรุก จัดการปัญหาขาดสมดุลการคลัง
ยูริ แลนเดสแมน ผู้จัดการกองทุนของไอเอ็นจี อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ให้ความเห็นว่าปัญหาความไม่เชื่อมั่นในสถานะการคลังของกรีซ นับว่าสำคัญและน่ากังวลใจมากกว่าปัญหาของดูไบ เพราะมีธนาคารมากมายหลายแห่งในยุโรปปล่อยกู้ให้กรีซ ทำให้ปัญหาที่เกิดกับกรีซน่าจะสำคัญและรุนแรงกว่าปัญหาของดูไบ
โดยนักวิเคราะห์มองความเสี่ยงเนื่องจากกรีซผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น และไม่แน่ใจว่าชาติสมาชิกอื่นในกลุ่มสหภาพยุโรปหรือ อียู จะช่วยเหลือกรีซไม่ให้ผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ หากสถานะทางการคลังเลวร้ายลงไปอีก
โดยปัญหาเศรษฐกิจและฐานะการคลังของกรีซ สเปนและโปรตุเกส ที่ล้วนเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู ที่ใช้สกุลเงินยูโรนั้น ตกเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลก รวมทั้งสื่อตะวันตกโดยเฉพาะ ดิ อีโคโนมิสต์ นิตยสารเศรษฐกิจชั้นนำของอังกฤษ และ นิวส์วีค นิตยสารเศรษฐกิจการเมืองชั้นนำสหรัฐ พากันจับตาความสามารถจัดการเศรษฐกิจและบริหารหนี้สาธารณะของทั้ง 3 ประเทศ
ทั้งนี้ปัญหาความน่าเชื่อถือในการบริหารงานเศรษฐกิจ และจัดการหนี้ภาครัฐของบางประเทศในยุโรป ซึ่งรวมถึงกรีซ สเปน อิตาลีและโปรตุเกส ทำให้นักวิเคราะห์หันมาประเมินสถานการณ์ในกลุ่มประเทศแถบยุโรปกันมากขึ้น เพราะวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของประเทศเหล่านี้ และปัญหาขาดดุลการคลังของบางประเทศที่เป็นสมาชิกอียูยังเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายจับตามอง
ขณะเดียวกันมีข่าวว่า มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส หรือมูดี้ส์ ออกมาเตือนสหรัฐกับอังกฤษด้วยว่า ความเสื่อมถอยของสถานะการเงินการคลังของทั้งสองประเทศ อาจเป็นการทดสอบเรทติ้งมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลกทั้งสองประเทศได้รับในปัจจุบันที่ระดับ Aaaa
มูดี้ส์ยังหันมาสนใจญี่ปุ่น ด้วยการเตือนให้เร่งวางแผนลดหนี้รัฐบริหารการคลังให้ดีและมั่นคงในระยะยาว เพื่อสนับสนุนอันดับความน่าเชื่อถือประเทศ หลังปรากฏข่าวความเห็นขัดแย้งในรัฐบาลเรื่องการจำกัดมูลค่าพันธบัตรเตรียมออกในปี 2553 ส่งผลต่อการวางแผนกับความสามารถลดหนี้สาธารณะ
ทั้งนี้เมื่อปลายเดือนพ.ย.2552 นักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ ออกมาเตือนเรื่องหนี้สาธารณะทั่วโลกระหว่างปี 2550-2553 จะขยายตัวเพิ่ม 45% หรือกว่า 49 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเทียบกับต้นทุนใช้ฟื้นฟูยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือว่ามากกว่า 100 เท่า
สอดรับกับองค์การความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ หรือโออีซีดี เตือนไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่ากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 30 ประเทศ จะจมอยู่กับภาระหนี้ที่ขยายตัว 100% ของจีดีพีหรือมากกว่านี้ในปี 2553 ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลเกือบ 2 เท่าของมูลหนี้ที่มีอยู่เมื่อ 20 ปีก่อน
โดยอีโคโนมิสต์หวั่นเกรงว่า หนี้สาธารณะสูงขึ้นส่งผลต่อเครดิตการชำระคืนหนี้ของบางประเทศ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ครั้งใหม่ของเศรษฐกิจโลก พร้อมย้ำการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงติดลบในปี 2552 จะทำให้ประเทศที่มีหนี้มหาศาล บริหารจัดการหนี้ส่วนนี้ได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ
นิวส์วีคยังอ้างรายงาน "ตามติดหนี้รัฐทั่วโลกเดือน พ.ย.ปี 2552" ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งบ่งชี้ความเป็นไปได้ที่กลุ่มชาติร่ำรวยอาจผิดชำระหนี้อย่างกรณีดูไบมีมากขึ้น
ด้วยข้อมูลข้างต้นล้วนนำไปสู่การตั้งสมมติฐานเลวร้ายสุด คือรัฐบาลชาติร่ำรวยข้างต้นอาจไม่สามารถลดหนี้มหาศาลที่มีอยู่ได้ง่ายๆ เพราะหนี้มากมายเป็นหนี้ระยะสั้นต้องโรลโอเวอร์ต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้ว่าหากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมาในกลุ่มประเทศร่ำรวยจริง นักลงทุนทั่วโลกอาจได้เห็นวิกฤติการเงินครั้งใหม่ รับช่วงต่อจากวิกฤติซับไพร์มในไม่ช้า
สื่อชั้นนำของโลกอย่างนิวส์วีค-อีโคโนมิสต์ ร่วมกับโออีซีดีและมูดี้ส์ ให้ข้อมูลวิเคราะห์ตามติดปัญหาหนี้หลายประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดวิกฤติรอบใหม่ซ้ำรอยดูไบผิดชำระหนี้ ด้วยการติดตามดูหนี้รัฐเทียบจีดีพีที่สูง ศักยภาพบริหารงานเศรษฐกิจด้อยลง ผสมความอ่อนไหวการเงินเรื่องความสามารถชำระหนี้รัฐกับเอกชนในประเทศ ล้วนเป็นสัญญาณอันตรายบ่งชี้วิกฤติโลกครั้งต่อไป กำลังคืบคลานจากดูไบไปยังภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะยุโรป
เมื่อปลายเดือนพ.ย.ปี 2552 ปัญหาของประเทศเล็กๆ อย่างดูไบ ได้กลายเป็นกรณีตัวอย่างที่ทุกประเทศต้องหันกลับไปดูหนี้สาธารณะของประเทศตัวเอง เมื่อดูไบ เวิลด์ บริษัทใหญ่ของรัฐบาลดูไบ เผชิญวิกฤติฉุดมูลค่าสินทรัพย์ร่วงกว่า 50% และกลายเป็นหนี้มหาศาลกว่า 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 70% ของจีดีพีประเทศตลอด 3 ปีข้างหน้า
การประกาศขอเลื่อนชำระหนี้ 3.5 พันล้านดอลลาร์ของรัฐบาลดูไบ ที่จะครบกำหนดชำระเดือน ธ.ค.ปีนี้ ไปเป็นเดือน พ.ค.ปีหน้า ก่อวิกฤติศรัทธาเพียงชั่วข้ามคืนในหมู่นักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะนักลงทุนเอเชียขวัญอ่อนกว่าใครเพื่อน พากันเทขายหุ้นจนบางตลาดร่วงมากสุดเกือบ 5% เมื่อวันศุกร์ (27 พ.ย.2552) ส่วนตลาดหุ้นดูไบเองเมื่อต้นเดือนธ.ค.ปีนี้ร่วงต่อเนื่อง ทำสถิติร่วงมากสุดกว่า 6%
หลังจากข่าวดูไบพักชำระหนี้ เขย่าขวัญนักลงทุนได้ไม่นาน อีก 2-3 สัปดาห์ถัดมา ปรากฏข่าวร้อนสร้างความวิตกให้นักลงทุน เมื่อฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อของกรีซลงมาอยู่ระดับ BBB+ จากเดิม A- ถือเป็นการลดอันดับครั้งแรกในรอบ 10 ปี และเป็นครั้งแรกความน่าเชื่อถือของกรีซถูกลดลงมาต่ำกว่าระดับ A
ฟิทช์ให้เหตุผลว่า กังวลเรื่องแนวโน้มระยะกลางของสถานภาพทางการเงินภาครัฐ และพิจารณาจากความน่าเชื่อถือด้อยลงของสถาบันการเงินและกรอบนโยบายของกรีซ ซึ่งได้รับผลพวงจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น ว่าจะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและสมดุลหรือไม่
ต่อมาอีก 2 วัน ภายหลังการเผยแพร่ข่าวกรีซถูกปรับลดความน่าเชื่อถือของประเทศ ทางสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือเอสแอนด์พี ได้ประกาศปรับลดเรทติ้งแนวโน้มประเทศของสเปนลง 1 ขั้น และปรับลดเรทติ้งแนวโน้มของไอร์แลนด์จากมีเสถียรภาพเป็นติดลบ
สำหรับการลดเรทติ้งสเปน จาก AAA เป็น AA+ ด้วยเหตุผลที่ว่าสเปนเผชิญกับภาวะซบเซาในการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นเวลานาน และมีแนวโน้มที่จีดีพีจะขยายตัวต่ำกว่า 1% ต่อปี เพราะหนี้ภาคเอกชนสูง และตลาดแรงงานตึงตัว พร้อมเตือนอีก 2 อาจลดเรทติ้ง หากรัฐบาลไม่ใช้มาตรการเชิงรุก จัดการปัญหาขาดสมดุลการคลัง
ขณะที่กรีซเหมือนผีซ้ำด้ามพลอย หลังฟิทช์ลดเรทติ้งได้ไม่นาน เอส แอนด์ พีประกาศหั่นเรทติ้งระยะยาวกรีซในกลางเดือนธ.ค. จาก A- มาเป็น BBB+ พร้อมเครดิตจับตามองเป็นลบ โดยให้เหตุผลว่าสถานะการคลังของกรีซเสื่อมถอย
ยูริ แลนเดสแมน ผู้จัดการกองทุนของไอเอ็นจี อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ให้ความเห็นว่าปัญหาความไม่เชื่อมั่นในสถานะการคลังของกรีซ นับว่าสำคัญและน่ากังวลใจมากกว่าปัญหาของดูไบ เพราะมีธนาคารมากมายหลายแห่งในยุโรปปล่อยกู้ให้กรีซ ทำให้ปัญหาที่เกิดกับกรีซน่าจะสำคัญและรุนแรงกว่าปัญหาของดูไบ
โดยนักวิเคราะห์มองความเสี่ยงเนื่องจากกรีซผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น และไม่แน่ใจว่าชาติสมาชิกอื่นในกลุ่มสหภาพยุโรปหรือ อียู จะช่วยเหลือกรีซไม่ให้ผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ หากสถานะทางการคลังเลวร้ายลงไปอีก
นอกจากนี้ หากพันธบัตรของรัฐบาลกรีซถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับลงทุน จะทำให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นหลักประกันการกู้ยืมจากธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี ด้วย ส่วนประเทศอื่นในยุโรป เช่น สเปนก็ถูกจับตามองเรื่องความเสี่ยงจากภาระหนี้รัฐสูงขึ้น รวมทั้งประเทศในยุโรปตะวันออก อย่างบัลแกเรีย ฮังการี และกลุ่มประเทศบอลติก ที่มีสัดส่วนหนี้ภาครัฐต่อจีดีพีสูงเช่นกัน
โดยปัญหาเศรษฐกิจและฐานะการคลังของกรีซ สเปนและโปรตุเกส ที่ล้วนเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู ที่ใช้สกุลเงินยูโรนั้น ตกเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลก รวมทั้งสื่อตะวันตกโดยเฉพาะ ดิ อีโคโนมิสต์ นิตยสารเศรษฐกิจชั้นนำของอังกฤษ และ นิวส์วีค นิตยสารเศรษฐกิจการเมืองชั้นนำสหรัฐ พากันจับตาความสามารถจัดการเศรษฐกิจและบริหารหนี้สาธารณะของทั้ง 3 ประเทศ
ทั้งนี้ปัญหาความน่าเชื่อถือในการบริหารงานเศรษฐกิจ และจัดการหนี้ภาครัฐของบางประเทศในยุโรป ซึ่งรวมถึงกรีซ สเปน อิตาลีและโปรตุเกส ทำให้นักวิเคราะห์หันมาประเมินสถานการณ์ในกลุ่มประเทศแถบยุโรปกันมากขึ้น เพราะวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของประเทศเหล่านี้ และปัญหาขาดดุลการคลังของบางประเทศที่เป็นสมาชิกอียูยังเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายจับตามอง
โดยนักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่งมองไกลไปถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาที่ลุกลามใหญ่กว่า เพราะหากมีประเทศสมาชิกใดในยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร เกิดผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะกระทบต่อชาติสมาชิกอื่นๆ ในอียูหรือกลุ่มยูโรโซนทั้ง 16 ประเทศได้
ขณะเดียวกันมีข่าวว่า มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส หรือมูดี้ส์ ออกมาเตือนสหรัฐกับอังกฤษด้วยว่า ความเสื่อมถอยของสถานะการเงินการคลังของทั้งสองประเทศ อาจเป็นการทดสอบเรทติ้งมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลกทั้งสองประเทศได้รับในปัจจุบันที่ระดับ Aaaa
มูดี้ส์ยังหันมาสนใจญี่ปุ่น ด้วยการเตือนให้เร่งวางแผนลดหนี้รัฐบริหารการคลังให้ดีและมั่นคงในระยะยาว เพื่อสนับสนุนอันดับความน่าเชื่อถือประเทศ หลังปรากฏข่าวความเห็นขัดแย้งในรัฐบาลเรื่องการจำกัดมูลค่าพันธบัตรเตรียมออกในปี 2553 ส่งผลต่อการวางแผนกับความสามารถลดหนี้สาธารณะ
ด้านฟิทช์เขย่าขวัญอังกฤษ ฝรั่งเศสและสเปน ส่งท้ายปี 2552 ด้วยการเตือนให้ทั้ง 3 ประเทศสำคัญของยุโรป ปรับปรุงสถานะการคลังให้มั่นคงมากขึ้น และเพิ่มความน่าเชื่อถือทางการคลังให้มากขึ้น ด้วยการลดหนี้สาธารณะและความเสี่ยง ที่จะสร้างแรงกดดันให้กับเรทติ้งเดิมซึ่งแข็งแกร่งอยู่ระดับ AAA
ทั้งนี้เมื่อปลายเดือนพ.ย.2552 นักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ ออกมาเตือนเรื่องหนี้สาธารณะทั่วโลกระหว่างปี 2550-2553 จะขยายตัวเพิ่ม 45% หรือกว่า 49 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเทียบกับต้นทุนใช้ฟื้นฟูยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือว่ามากกว่า 100 เท่า
สอดรับกับองค์การความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ หรือโออีซีดี เตือนไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่ากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 30 ประเทศ จะจมอยู่กับภาระหนี้ที่ขยายตัว 100% ของจีดีพีหรือมากกว่านี้ในปี 2553 ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลเกือบ 2 เท่าของมูลหนี้ที่มีอยู่เมื่อ 20 ปีก่อน
จากข้อมูลของโออีซีดีและมูดี้ส์ ก่อเกิดความกังวลเพ่งเล็งไปที่หนี้สาธารณะทุกประเทศทั่วโลกว่าน่าเป็นห่วงและกำลังก่อปัญหา เพราะการใช้นโยบายการคลังเชิงรุกของประเทศต่างๆ เพื่อต่อสู้กับภาวะโลกถดถอยรุนแรงสุดในรอบเกือบ 80 ปี ซึ่งมีต้นตอมาจากวิกฤติสินเชื่อบ้านปล่อยกู้ลูกค้าความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์มสหรัฐ)
โดยอีโคโนมิสต์หวั่นเกรงว่า หนี้สาธารณะสูงขึ้นส่งผลต่อเครดิตการชำระคืนหนี้ของบางประเทศ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ครั้งใหม่ของเศรษฐกิจโลก พร้อมย้ำการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงติดลบในปี 2552 จะทำให้ประเทศที่มีหนี้มหาศาล บริหารจัดการหนี้ส่วนนี้ได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ
นิวส์วีคยังอ้างรายงาน "ตามติดหนี้รัฐทั่วโลกเดือน พ.ย.ปี 2552" ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งบ่งชี้ความเป็นไปได้ที่กลุ่มชาติร่ำรวยอาจผิดชำระหนี้อย่างกรณีดูไบมีมากขึ้น
ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ตัวเลขการคลังมากมาย สะท้อนวิกฤติการเงินโลกที่รุนแรงมากสุดในรอบ 80 ปีครั้งล่าสุด เป็นต้นตอสำคัญทำให้เกิดการขาดดุลงบประมาณกับหนี้ภาครัฐมากขึ้นในกลุ่มชาติร่ำรวย อย่างสหรัฐ-สเปน-ญี่ปุ่น-อิตาลี-อังกฤษ ย่ำแย่กว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนา อย่างจีน-อินเดีย-เกาหลีใต้
ด้วยข้อมูลข้างต้นล้วนนำไปสู่การตั้งสมมติฐานเลวร้ายสุด คือรัฐบาลชาติร่ำรวยข้างต้นอาจไม่สามารถลดหนี้มหาศาลที่มีอยู่ได้ง่ายๆ เพราะหนี้มากมายเป็นหนี้ระยะสั้นต้องโรลโอเวอร์ต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้ว่าหากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมาในกลุ่มประเทศร่ำรวยจริง นักลงทุนทั่วโลกอาจได้เห็นวิกฤติการเงินครั้งใหม่ รับช่วงต่อจากวิกฤติซับไพร์มในไม่ช้า
1/04/2010
สิ่งที่ผู้เทรด Forex จำเป็นต้องทำ
Forex Trading 'Must Do': Instant Guide For Forex Beginners
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 1 ลงทุนกับสมองของคุณเป็นอันดับแรก
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 2 เริ่มต้นกับระบบเทรดที่เหมาะสม
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 3: มีแผนการเทรดอย่างชัดเจน
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 4: มีการบริหารเงินทุนที่ดี
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 5: ลงทุนอย่างมีวินัย
กำไรจากตลาด Forex นั้นสูง และ เร็ว กว่าการเทรดชนิดอื่นมาก อย่างไม่ต้องสงสัย การเข้าถึงตลาดนั้นก็ไม่มีข้อจำกัด, ความลื่นไหลของตลาด, เป็นการลงทุน โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมาก ด้วย อัตรา leverage ที่สูง และ ไม่มีข้อจำกัดในการ Short Selling ทำให้ตลาด Forex สามารถทำกำไรได้สูงมาก จำไว้เสมอว่า การวางแผนการลงทุนอย่างฉลาด โดยการลงทุนให้กับตัวเองก่อน คุณจะได้รางวัลอย่างงามที่ปลายทาง
Teddy, writter and webmaster in financial investment. Learn Forex trading from scratch in his website at http://www.golearnforex.net.
Article Source: http://EzineArticles.com/?expert=Teddy_Low
บทความต้นฉบับ Forex Trading 'Must Do': Instant Guide For Forex Beginners
โดย เทดดี้ โล (Teddy Low)
It is believed that more than 50% of Forex traders are losing money long term in the foreign currency exchange market. Yet, there are still a lot of Forex traders jump in to the market, trade blindly and lost their money. Trade after trade, its surprising to see that 'normally-losing' traders keep betting (not investing!) their money into Forex market without reviewing their trading strategy. No matter you are the experienced or the beginners, there are certain 'must-do' when trading Forex to manage the risk wisely and to increase your possibilities in making profits.
สิ่งที่ผู้เทรด Forex จำเป็นต้องทำ
เป็นที่เชื่อกันว่า มากกว่า 50% ของผู้ที่เล่น Forex นั้นขาดทุนในระยะยาว แต่ก็ยังคงมีนักเล่น Forex หน้าใหม่จำนวนมาก กระโดดเข้ามาในตลาด Forex ทำการซื้อขาย อย่างไร้หลักการ และขาดทุนกลับไป เป็นที่หน้าแปลกใจที่ส่วนใหญ่ของ ผู้เทรดที่ขาดทุนนั้น ทำการเทรดเหมือนพนัน (ไม่ใช่การลงทุน) เงินทุนของพวกเขา เข้าไปในตลาด Forex โดยไม่ได้มีการตรวจสอบกับหลักการเลย ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ หรือเป็นผู้เริ่มต้น กับตลาด Forex มีสิ่งที่จำเป็น "ต้องทำ" ในการเข้าเทรด Forex เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างฉลาด และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
เป็นที่เชื่อกันว่า มากกว่า 50% ของผู้ที่เล่น Forex นั้นขาดทุนในระยะยาว แต่ก็ยังคงมีนักเล่น Forex หน้าใหม่จำนวนมาก กระโดดเข้ามาในตลาด Forex ทำการซื้อขาย อย่างไร้หลักการ และขาดทุนกลับไป เป็นที่หน้าแปลกใจที่ส่วนใหญ่ของ ผู้เทรดที่ขาดทุนนั้น ทำการเทรดเหมือนพนัน (ไม่ใช่การลงทุน) เงินทุนของพวกเขา เข้าไปในตลาด Forex โดยไม่ได้มีการตรวจสอบกับหลักการเลย ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ หรือเป็นผู้เริ่มต้น กับตลาด Forex มีสิ่งที่จำเป็น "ต้องทำ" ในการเข้าเทรด Forex เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างฉลาด และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
Forex traders must-do 1: Invest in your brain first
If you are serious about investing in Forex market, building up your trading skills and knowledge is the very first step that you must take. Seminars, workshops, video tutorials, online learning, or even books are handful to help us learn from the professional. Learn to implement technical charting into your trades; learn using indicators to determine the right time to enter/exit the market; brush up your experience by trading with a demo account… all these are effective to ensure your smooth starts and it will definitely reduce your chances of losing money
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 1 ลงทุนกับสมองของคุณเป็นอันดับแรก
ถ้าคุณต้องการลงทุนในตลาด Forex อย่างจริงจัง การสร้าง ทักษะการเทรด และความรู้ เป็นสิ่งแรกที่คุณต้องทำ การเข้าสมนา Workshop, วิดีโอการสอน, การเรียนรู้ออนไลน์ หรือแม่กระทั้ง หนังสือ เพื่อช่วยให้เราเรียนรู้จากนักเทรดมืออาชีพ เรียนรู้การใช้ กราฟ ทางเทคนิค ประกอบการตัดสินใจการเข้าเทรด เรียนรู้การใช้ indicator เพื่อเป็นตัวชี้จังหวะ การเข้า และออกจากตลาด สร้างประสบการณ์ ด้วยการเทรดผ่านบัญชีจำลอง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพ และสามารถให้คุณเริ่มต้นกับ Forex ได้อย่างราบรื่น และสามารถ ลดโอกาสในการขาดทุนได้อย่างแน่นอน
Forex traders must-do 2: Getting the right trading system
It is wise to research very well and consider all the various brokers' system available to you before making your choice. By applying certain level of computer automations (such like charting and doing auto trades), trading; a well-designed trading system will reduce your work dramatically. This in turns give you more time to focus on studying the market and plotting your strategy. Also, using auto-trading system will avoid you from doing emotional-trades.
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 2 เริ่มต้นกับระบบเทรดที่เหมาะสม
เป็นสิ่งที่ฉลาด และควรทำ ที่จะค้นคว้าหาข้อมูล และพิจารณา ระบบของโบรกเกอร์ทั้งหมดที่มี ก่อนที่เราจะเลือกใช้เพื่อทำการเทรดจริง ระบบของโบรกเกอร์ที่แตกต่างกันนั้นเช่น ระบบการแสดงกราฟ ระบบการเทรดอัตโนมัติ ระบบเทรดที่ได้ออกแบบมาอย่างดี จะช่วยให้งานของเราน้อยลง สิ่งนี้จะช่วยให้เรามีเวลา ที่จะเรียนรู้ตลาด และวางแผนกลยุทธ์ของเราได้มากยิ่งขึ้น อีกสิ่งที่ทำให้ระบบเทรดอัตโนมัติ นั้นมีประโยชน์มาก นั้นคือ การใช้ระบบเทรดอัตโนมัติ จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการเทรดโดยใช้อารมณ์ได้
Forex traders must-do 3: Have a trading plan
As the old says: “Fail to plan is plan to fail”. Trading is like sailing boat middle in the sea; you will not be going anywhere without compass and navigator. What is the detail objective of the trades? How much profit to expect from the trade? When to get into the market? How much to invest? What price to exit the market? If things do not work out, when do execute the stop loss order? How high is the affordable risk? A good trading plan should at least answers the above questions. Further more, if your trading plan fails, review and modify your trading plan. Find out your mistakes and learn from them.
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 3: มีแผนการเทรดอย่างชัดเจน
อย่างที่ผู้เฒ่า ผู้แก่ กล่าวไว้ว่า "การล้มเหลวในการวางแผน เป็นแผนสำหรับความล้มเหลว" การเทรดในตลาด Forex นั้น เหมือนกับการ พายเรือในทะเล คุณจะไม่สามารถไปไหนได้เลย ถ้าไม่มี เข็มทิศ และตัวนำทาง อะไรเป็นจุดประสงค์ของการเทรด? คุณคาดหวังจะได้กำไรจากการเทรดเท่าไหร่? เมื่อไหร่ถึงจะเข้าไปในตลาด? จะลงทุนเท่าไหร่? จะออกจากตลาดที่ราคาเท่าไหร่? ถ้าทั้งหมดไม่เป็นไปตามแผน จะ stop loss เมื่อไหร่? จะทนต่อความเสี่ยงได้ขนาดไหน? แผนการเทรดที่ดี อย่างน้อยควรจะตอบคำถามทั้งหมดนี้ได้ ถ้าแผนการเทรดของคุณไม่ประสบผลสำเร็จ ตรวจสอบ และแก้ไข แผนการเทรดของคุณ ค้นหาสิ่งที่ผิดพลาด แล้วเรียนรู้จากมัน
Forex traders must-do 4: Money management
Money management is controlling your risk through the use of protective stops, while balancing your potential for profit against your potential for loss. For example, good money management means you know your profit objective and the odds of being right or wrong, and controlling your risk with protective stops. You are better off with a trade where you might lose $1000 if you are wrong and make $500 if you are right, that would work eight times out of ten, than to take a trade where you would make $1000 if you are right and lose only $500 if you are wrong, but works only one time out of three. If you are investing using your savings, it's even more important that you manage your money in your trading and in your personal expenses. Chances are high that you miss a good investing chance because of you are lack of capital.
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 4: มีการบริหารเงินทุนที่ดี
การบริหารเงินทุน เป็นสิ่งที่ควบคุมความเสี่ยงของคุณ และช่วยในการตัดสินใจในการออกจากตลาด โดยให้น้ำหนักจาก โอกาสในการทำกำไร เปรียบเทียบกับ โอกาสในการขาดทุน ตัวอย่างเช่น ในสถานะการณ์หนึ่ง ถ้าไม่เป็นไปตามแผน คุณอาจจะขาดทุน $1000 แต่ถ้าเป็นไปตามแผน คุณจะได้กำไร $500 โดยแผนนี้สำเร็จ 8 ครั้ง จากทั้งหมด 10 ครั้ง นั้นเป็นการดีกว่า การทำกำไร $1000 ถ้าเป็นไปตามแผน แต่ถ้าไม่เป็นไปตามแผนจะขาดทุน $500 โดยแผนนี้สำเร็จเพียงแค่ 1 ครั้งจากทั้งหมด 3 ครั้ง ถ้าคุณลงทุนโดยใช้เงินเก็บของคุณเอง การบริหารเงินทุนนี้ ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะโอกาสที่คุณจะพลาดการลงทุนที่ดี เนื่องจากเงินทุนของคุณมีไม่มากนั้น สูง
Forex traders must-do 5: Discipline trading
Trading Forex with discipline is important. Success in Forex trading could not be achieved by plotting out the best trading plan. It is also depends on implementing the trading plan. Be discipline, trade according to your plan and never trade with your emotion no matter you are losing money or winning. Greed will stop you from taking profit at predetermined level; while fear will stop you from making the nice kill in the market.
สิ่งที่ผู้เทรด Forex ต้องทำ 5: ลงทุนอย่างมีวินัย
การเทรด Forex อย่างมีวินัย นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ ความสำเร็จจากการเทรด Forex นั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพียงแค่ คุณมีแผนการเทรดที่ดีเท่านั้น อีกสิ่งที่สำคัญ และจำเป็น นั้นคือคุณต้องทำตามแผนนั้นอย่างมีวินัยด้วย เทรดตามแผน และไม่เทรดตามอารมณ์ ถึง จะขาดทุน หรือกำไร ความโลภอาจทำให้กำไรของคุณหายไป ในขณะที่ ความกลัว อาจะทำให้คุณพลาดโอกาสที่ดี ในตลาดได้เช่นกัน
Without a doubt, Forex is gaining its popularity fast against other kind of trading. No limited market access, no liquidity issues-after market hours, zero commission fees, low capital requirements with high leverage rates, and no restrictions on short selling -- Forex can be very beneficial. Always remember to plan your investment wisely by investing first on yourself; you shall get your reward at the end of the road.
กำไรจากตลาด Forex นั้นสูง และ เร็ว กว่าการเทรดชนิดอื่นมาก อย่างไม่ต้องสงสัย การเข้าถึงตลาดนั้นก็ไม่มีข้อจำกัด, ความลื่นไหลของตลาด, เป็นการลงทุน โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมาก ด้วย อัตรา leverage ที่สูง และ ไม่มีข้อจำกัดในการ Short Selling ทำให้ตลาด Forex สามารถทำกำไรได้สูงมาก จำไว้เสมอว่า การวางแผนการลงทุนอย่างฉลาด โดยการลงทุนให้กับตัวเองก่อน คุณจะได้รางวัลอย่างงามที่ปลายทาง
Teddy, writter and webmaster in financial investment. Learn Forex trading from scratch in his website at http://www.golearnforex.net.
Article Source: http://EzineArticles.com/?expert=Teddy_Low
บทความต้นฉบับ Forex Trading 'Must Do': Instant Guide For Forex Beginners
โดย เทดดี้ โล (Teddy Low)
รูปแบบกราฟแท่งเทียน Candlesticks
กราฟแท่งเทียน (Candlestick)
สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแกร่ง Strength หรือ ความอ่อนแอ Weakness ของตลาดในวันนั้น หรือแม้กระทั่งในขณะเวลานั้น โดยพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดและราคาเปิด แต่ถ้าจะให้มีความหมายชัดเจนมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างแท่งเทียนหลายๆแท่งที่มีต่อกัน จะให้ความหมายของตลาดที่ชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญจะได้มาจาก Formation ของ Candles หลายๆแท่งต่อเนื่องกัน ที่ประกอบขึ้นมาเป็น Pattern แท่งเทียนแต่ละแท่ง ถึงแม้บางครั้งจะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ แต่จะมีความหมายต่างกันเมื่ออยู่ในสถานะที่ต่างกัน
Charts แบบ Candlesticks ที่เริ่มต้นใช้กันในญี่ปุ่นและแพร่หลายเข้าไปในตลาดโลกในศตวรรษ 1900 แล้ว Candlestick charts ก็ได้รับความนิยมเหนือ Bar Chart ธรรมดาทันที ข้อที่น่าสนใจคือการตั้งชื่อ Patterns ต่างๆ ของ Combinations ของ Candlesticks ซึ่งสามารถให้ข้อมูลในการพิจารณาสภาพตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงแม้ Charts ทั้งสองชนิด จะให้ข้อมูลเรื่อง Pattern ในทำนองเดียวกัน แต่ Candlesticks สามารถให้ข้อมูลพิเศษนอกเหนือกว่านั้นอีก เช่นการพิจารณา Bodies – price action ระหว่างราคา Open และ Close และ Shadows หรือ Tails – price action
Candlestick charts เป็นที่นิยมกันในหมู่นักลงทุนชาวตะวันตกอย่างรวดเร็ว สามารถให้สัญญาณการเปลี่ยน Trends ได้ดีกว่าและรวดเร็วกว่า และต้องทำควบคู่ไปกับความรู้พื้นฐานอื่นๆ
Body คือช่วงของราคาระหว่างราคาเปิด (Open) กับราคาปิด (Close) ตัว Body เป็นส่วนสำคัญที่สุดของ Candlestick การเป็น White หรือ Black ประกอบกับความยาวของ Body สามารถให้ข้อมูลเราได้ว่า ตลาดในขณะนั้นเป็น Bullish หรือ Bearish trend ในขณะที่เรามี White body ที่ยาว และ Black body ที่สั้น แสดงว่าตลาดอยู่ใน Bullish sentiment และในขณะที่เรามี White body ที่สั้น และ Black body ที่ยาว ก็แสดงว่าตลาดอยู่ใน Bearish sentiment และเมื่อทั้ง White และ Black bodies เป็นแท่งสั้นๆ ก็หมายความว่าตลาดกำลังอยู่ใน Sideway trading range
Shadows เป็นส่วนที่เป็นเส้นเดี่ยวอยู่นอกเขตุของ Body ส่วนที่อยู่ด้านบนเรียกว่า Upper shadow และส่วนที่อยู่ด้านล่าง เรียกว่า Lower shadow ถ้าเราวัดเฉพาะความยาวของ Shadow เมื่อเกิด Convergence/Divergence ของ Upper shadow ก็จะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนจาก Up-trend ไปเป็น Down-trend และเมื่อเกิด Convergence/Divergence ของ Lower shadow ก็จะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนจาก Down-trend ไปเป็น Up-trend
สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแกร่ง Strength หรือ ความอ่อนแอ Weakness ของตลาดในวันนั้น หรือแม้กระทั่งในขณะเวลานั้น โดยพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างราคาปิดและราคาเปิด แต่ถ้าจะให้มีความหมายชัดเจนมากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างแท่งเทียนหลายๆแท่งที่มีต่อกัน จะให้ความหมายของตลาดที่ชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญจะได้มาจาก Formation ของ Candles หลายๆแท่งต่อเนื่องกัน ที่ประกอบขึ้นมาเป็น Pattern แท่งเทียนแต่ละแท่ง ถึงแม้บางครั้งจะมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ แต่จะมีความหมายต่างกันเมื่ออยู่ในสถานะที่ต่างกัน
Charts แบบ Candlesticks ที่เริ่มต้นใช้กันในญี่ปุ่นและแพร่หลายเข้าไปในตลาดโลกในศตวรรษ 1900 แล้ว Candlestick charts ก็ได้รับความนิยมเหนือ Bar Chart ธรรมดาทันที ข้อที่น่าสนใจคือการตั้งชื่อ Patterns ต่างๆ ของ Combinations ของ Candlesticks ซึ่งสามารถให้ข้อมูลในการพิจารณาสภาพตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงแม้ Charts ทั้งสองชนิด จะให้ข้อมูลเรื่อง Pattern ในทำนองเดียวกัน แต่ Candlesticks สามารถให้ข้อมูลพิเศษนอกเหนือกว่านั้นอีก เช่นการพิจารณา Bodies – price action ระหว่างราคา Open และ Close และ Shadows หรือ Tails – price action
Candlestick charts เป็นที่นิยมกันในหมู่นักลงทุนชาวตะวันตกอย่างรวดเร็ว สามารถให้สัญญาณการเปลี่ยน Trends ได้ดีกว่าและรวดเร็วกว่า และต้องทำควบคู่ไปกับความรู้พื้นฐานอื่นๆ
Body คือช่วงของราคาระหว่างราคาเปิด (Open) กับราคาปิด (Close) ตัว Body เป็นส่วนสำคัญที่สุดของ Candlestick การเป็น White หรือ Black ประกอบกับความยาวของ Body สามารถให้ข้อมูลเราได้ว่า ตลาดในขณะนั้นเป็น Bullish หรือ Bearish trend ในขณะที่เรามี White body ที่ยาว และ Black body ที่สั้น แสดงว่าตลาดอยู่ใน Bullish sentiment และในขณะที่เรามี White body ที่สั้น และ Black body ที่ยาว ก็แสดงว่าตลาดอยู่ใน Bearish sentiment และเมื่อทั้ง White และ Black bodies เป็นแท่งสั้นๆ ก็หมายความว่าตลาดกำลังอยู่ใน Sideway trading range
Shadows เป็นส่วนที่เป็นเส้นเดี่ยวอยู่นอกเขตุของ Body ส่วนที่อยู่ด้านบนเรียกว่า Upper shadow และส่วนที่อยู่ด้านล่าง เรียกว่า Lower shadow ถ้าเราวัดเฉพาะความยาวของ Shadow เมื่อเกิด Convergence/Divergence ของ Upper shadow ก็จะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนจาก Up-trend ไปเป็น Down-trend และเมื่อเกิด Convergence/Divergence ของ Lower shadow ก็จะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนจาก Down-trend ไปเป็น Up-trend
Subscribe to:
Posts (Atom)