4H MACD PRICE MOVEMENT RULES
1. ในการดูราคาในจุดที่จะ trade ควรดูสิ่งนี้ควบคู่กันด้วย (ทุกครั้ง )
1.1 Moving Average, Trend line, แนวรับ แนวต้าน และตัวเลขจิตวิทยา (พวกเลข 00, 200.00, 1.50, 100.00)
1.2 แล้วมาดู MACD signal เพื่อเป็นการ confirm ในการเทรด
2. ทำการบ้านเยอะๆ เกี่ยวกับ price movement หรือ Market rhythm เช่น print graph 4hr ย้อนหลัง 1 ปีมานั่งปิดแล้วดูแล้ววิเคราะห์แท่งเทียนถัดไป
3. ห้ามเทรด MACD ทุก Signal
4. อย่ากระโดดเล่นหลายคู่
4.1 ควรเล่นไม่เกิน 3 pair (ทุกวันนี้ผมยังคงเล่นแค่ 2 pair) และเล่น pair ที่ชอบและคุ้นเคยกับเรา ถ้าเราเล่นหลาย pair เราจะเสียโอกาสในการเปิด position เดิมที่ควรจะได้ คือถ้าเล่นเยอะ % ที่จะถูกมันก็น้อยลง การเล่นมันย่อมมีผิดพลาด ถ้าเราผิดตัวนี้แล้วเราไปเล่นตัวอื่น เราก็จะพลาดตัวอื่นต่อ ในขณะที่รอบหน้าของตัวแรกที่พลาดอาจจะถูก แต่เราไม่ได้เทรดมัน เทรด 10 ครั้งควรจะถูก 6-7 ครั้งแต่ถ้าเราโดดไปตัวอื่น ทีนี้เราก็จะไม่ได้ 10:6 หรือ 10:7 แล้ว
5. ดูที่อารมณ์ตลาด(Market emotion) – รูปแบบที่แน่นอนของแท่งเทียน
6. ดูจังหวะตลาด(Market Rhythm) และ trend line
7. R:R (Risk reward ratio) ควรเป็น 1:1 ขึ้นไป เช่น Reward 50 Stoploss ไม่เกิน 50
8. เมื่อราคาผ่านเส้น 20SMA มันจะกลับมาหาเส้น 55EMA
9. เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านเส้น 200SMA มันจะวิ่งกลับหาตัวมันเอง (200SMA) ก่อนที่จะวิ่งต่อไป
วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อนครับ ถ้าจะใช้ต้องเรียนรู้ 3 เรื่องหลักๆ ครับ
1. Market Rhythm
2. Market Emotion
3. เครื่องมือต่างๆ MACD, MA, Trend Line
ส่วนเรื่องอื่นๆ หลักๆก็จะเป็นเรื่อง Self Management น่ะครับ คือการควบคุมอารมณ์ตัวเองทุกครั้งที่เทรด และตัดสินใจต้องมีการวางแผนครับ หรือเรียกว่า Risk Management ก็ได้ เช่นการเข้าเทรด การ Stoploss เป็นต้น
1. Market Rhythm หรือจังหวะตลาด เป็น pattern ที่จะเข้าไปเทรดครับ รูปแบบของกราฟจะต้องดูง่าย เช่นราคาจะต้องวิ่งหาเส้น SMA20 หรือ EMA55 แล้วก็วิ่งกลับไปคล้ายๆระรอกคลื่นน่ะครับ ถ้าเรามีการวาด Trend Line จะสามารถเห็นภาพได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวใช้ตัดสินใจในการคิดว่าจะเทรดหรือไม่ครับ (ยังไม่เทรดนะครับแค่สนในใจจะเทรดเฉยๆ)
2. Market Emotion คือลักษณะอารมณ์มหาชนช่วงนั้นว่าเค้าคิดอะไรกัน? ฟังดูเหมือนยากนะครับแต่จริงๆก็คือการดูแท่งเทียนน่ะครับ ซึ่งรูปแบบแท่งเทียนจะมีอยู่ประมาณ 10 กว่ารูปแบบที่ต้องศึกษาครับ จะบอกได้ว่ามหาชนคิดอะไร?ทำอะไร? ซึ่งเราจะสามารถตามน้ำไปกับพวกเขาได้ครับ ถ้ารูปแบบแท่งเทียนออกมาดี เช่นก้านของแท่งไปแตะที่เส้น EMA21 แล้ววิ่งกลับขึ้นไปเกิน 50% ของแท่ง ก็หมายความว่าราคามีความเป็นไปได้ว่าจะวิ่งกลับขึ้นไปตามจังหวะ Market Rhythm ครับ มาถึงจุดนี้เราสามารถมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว แต่... ยังไม่ใช่การ confirm ว่าจะเทรดนะครับ ทีนี้สิ่งที่เราควรทำลำดับต่อไปคือข้อต่อไปครับ
3. MACD ครับ MACD เราจะใช้ Period 4 hr. ครับ ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่ามีการเกิด error ค่อนข้างจะน้อยที่สุดและน่าเทรดที่สุดครับ (ถ้าไม่นับ period daily ขึ้นไปนะครับ จริงที่ว่า daily จะเกิด error น้อยกว่า แต่เราก็กำหนดจุด Stop loss จนอ้วกน่ะครับ บางทีมากกว่า 100pips อีกครับ) ทีนี้มาเข้าเรื่องต่อคือ MACD4hr นะครับ หลังจากที่เราดูตลาด(จากข้อ 1 และ2 เรียบน้อยแล้ว) ทีนี้เราจะมาดู MACD ครับเพื่อใช้ Confirm การ Trade ถ้าเกิดสัญญานต่อไปนี้ก็สามารถที่จะทำการเปิด position ได้ครับคือ
1. Trend Continue
2. Round top
3. Round Bottom
4. Zero Breaking
5. Double Top
6. Double Bottom
7. Higher Low
8. Lower High
สัญญานตัวนี้เป็นสัญญานสากลที่หลายๆคนรู้จัก และนำไปดูที่กราฟครับ (แต่เราดูที่ MACD ครับ) ถ้าเกิดสัญญานนี้ก็สามารถเปิดการเทรดได้เลยครับ แต่...ต้องพิจารณาข้อที่ 1 และ 2 ก่อนนะครับอันนี้สำคัญมากๆ ครับ เราจะไม่ใช้เครื่องมือเทรด แต่เราจะใช้เครื่องมือในการ confirm การตัดสินใจเท่านั้นครับ เพราะถ้าใช้เครื่องมืออย่างเดียว สังเกตได้ว่าวันนึงจะมีให้เป็นเป็นร้อยครั้งครับ แต่ความไม่แน่นอนมันมากเกินไปครับ เราดู Market Rhythm กับ Emotion ก่อนดีกว่าครับ
สาเหตุที่ใช้ MACD เพราะว่า MACD เป็นเครื่องมือที่ถือว่าให้สัญญานได้ช้าที่สุด แต่แม่นยำที่สุดครับ เพราะฉะนั้นผมจึงใช้ indy แค่ตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้นครับ ใช้หลายเครื่องมือมันดูดีดูเป็น pro จริงครับ แต่มันเข้าใจยากและก็ไม่ค่อยมีผลงานดีซักเท่าไหร่ครับ ผมว่าความเป็น Simple เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วครับ วิธีนี้ค่อนข้างจะหวานเย็นนะครับ แต่ confirm ได้ว่าคุณได้กำไรแน่นอนครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกเทรดนะครับ เพียงแต่เราสามารถที่จะหา high probability ที่ดีที่สุดได้ครับ เช่นเทรด 10 ครั้งคุณจะพลาดประมาณ 3 ครั้งครับ หรืออย่างมากก็ 4 ครับ... แต่แนะนำนะครับเล่นแค่ pair เดียวหรือ 2 pair ที่ชอบก็พอนะครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าเราจะได้เข้าได้ทุกจังหวะครับ และก็ถ้าเสียเราจะไม่เสียเป็นดับเบิ้ลครับ
1. ในการดูราคาในจุดที่จะ trade ควรดูสิ่งนี้ควบคู่กันด้วย (ทุกครั้ง )
1.1 Moving Average, Trend line, แนวรับ แนวต้าน และตัวเลขจิตวิทยา (พวกเลข 00, 200.00, 1.50, 100.00)
1.2 แล้วมาดู MACD signal เพื่อเป็นการ confirm ในการเทรด
2. ทำการบ้านเยอะๆ เกี่ยวกับ price movement หรือ Market rhythm เช่น print graph 4hr ย้อนหลัง 1 ปีมานั่งปิดแล้วดูแล้ววิเคราะห์แท่งเทียนถัดไป
3. ห้ามเทรด MACD ทุก Signal
4. อย่ากระโดดเล่นหลายคู่
4.1 ควรเล่นไม่เกิน 3 pair (ทุกวันนี้ผมยังคงเล่นแค่ 2 pair) และเล่น pair ที่ชอบและคุ้นเคยกับเรา ถ้าเราเล่นหลาย pair เราจะเสียโอกาสในการเปิด position เดิมที่ควรจะได้ คือถ้าเล่นเยอะ % ที่จะถูกมันก็น้อยลง การเล่นมันย่อมมีผิดพลาด ถ้าเราผิดตัวนี้แล้วเราไปเล่นตัวอื่น เราก็จะพลาดตัวอื่นต่อ ในขณะที่รอบหน้าของตัวแรกที่พลาดอาจจะถูก แต่เราไม่ได้เทรดมัน เทรด 10 ครั้งควรจะถูก 6-7 ครั้งแต่ถ้าเราโดดไปตัวอื่น ทีนี้เราก็จะไม่ได้ 10:6 หรือ 10:7 แล้ว
5. ดูที่อารมณ์ตลาด(Market emotion) – รูปแบบที่แน่นอนของแท่งเทียน
6. ดูจังหวะตลาด(Market Rhythm) และ trend line
7. R:R (Risk reward ratio) ควรเป็น 1:1 ขึ้นไป เช่น Reward 50 Stoploss ไม่เกิน 50
8. เมื่อราคาผ่านเส้น 20SMA มันจะกลับมาหาเส้น 55EMA
9. เมื่อราคาวิ่งทะลุผ่านเส้น 200SMA มันจะวิ่งกลับหาตัวมันเอง (200SMA) ก่อนที่จะวิ่งต่อไป
วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อนครับ ถ้าจะใช้ต้องเรียนรู้ 3 เรื่องหลักๆ ครับ
1. Market Rhythm
2. Market Emotion
3. เครื่องมือต่างๆ MACD, MA, Trend Line
ส่วนเรื่องอื่นๆ หลักๆก็จะเป็นเรื่อง Self Management น่ะครับ คือการควบคุมอารมณ์ตัวเองทุกครั้งที่เทรด และตัดสินใจต้องมีการวางแผนครับ หรือเรียกว่า Risk Management ก็ได้ เช่นการเข้าเทรด การ Stoploss เป็นต้น
1. Market Rhythm หรือจังหวะตลาด เป็น pattern ที่จะเข้าไปเทรดครับ รูปแบบของกราฟจะต้องดูง่าย เช่นราคาจะต้องวิ่งหาเส้น SMA20 หรือ EMA55 แล้วก็วิ่งกลับไปคล้ายๆระรอกคลื่นน่ะครับ ถ้าเรามีการวาด Trend Line จะสามารถเห็นภาพได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวใช้ตัดสินใจในการคิดว่าจะเทรดหรือไม่ครับ (ยังไม่เทรดนะครับแค่สนในใจจะเทรดเฉยๆ)
2. Market Emotion คือลักษณะอารมณ์มหาชนช่วงนั้นว่าเค้าคิดอะไรกัน? ฟังดูเหมือนยากนะครับแต่จริงๆก็คือการดูแท่งเทียนน่ะครับ ซึ่งรูปแบบแท่งเทียนจะมีอยู่ประมาณ 10 กว่ารูปแบบที่ต้องศึกษาครับ จะบอกได้ว่ามหาชนคิดอะไร?ทำอะไร? ซึ่งเราจะสามารถตามน้ำไปกับพวกเขาได้ครับ ถ้ารูปแบบแท่งเทียนออกมาดี เช่นก้านของแท่งไปแตะที่เส้น EMA21 แล้ววิ่งกลับขึ้นไปเกิน 50% ของแท่ง ก็หมายความว่าราคามีความเป็นไปได้ว่าจะวิ่งกลับขึ้นไปตามจังหวะ Market Rhythm ครับ มาถึงจุดนี้เราสามารถมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว แต่... ยังไม่ใช่การ confirm ว่าจะเทรดนะครับ ทีนี้สิ่งที่เราควรทำลำดับต่อไปคือข้อต่อไปครับ
3. MACD ครับ MACD เราจะใช้ Period 4 hr. ครับ ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่ามีการเกิด error ค่อนข้างจะน้อยที่สุดและน่าเทรดที่สุดครับ (ถ้าไม่นับ period daily ขึ้นไปนะครับ จริงที่ว่า daily จะเกิด error น้อยกว่า แต่เราก็กำหนดจุด Stop loss จนอ้วกน่ะครับ บางทีมากกว่า 100pips อีกครับ) ทีนี้มาเข้าเรื่องต่อคือ MACD4hr นะครับ หลังจากที่เราดูตลาด(จากข้อ 1 และ2 เรียบน้อยแล้ว) ทีนี้เราจะมาดู MACD ครับเพื่อใช้ Confirm การ Trade ถ้าเกิดสัญญานต่อไปนี้ก็สามารถที่จะทำการเปิด position ได้ครับคือ
1. Trend Continue
2. Round top
3. Round Bottom
4. Zero Breaking
5. Double Top
6. Double Bottom
7. Higher Low
8. Lower High
สัญญานตัวนี้เป็นสัญญานสากลที่หลายๆคนรู้จัก และนำไปดูที่กราฟครับ (แต่เราดูที่ MACD ครับ) ถ้าเกิดสัญญานนี้ก็สามารถเปิดการเทรดได้เลยครับ แต่...ต้องพิจารณาข้อที่ 1 และ 2 ก่อนนะครับอันนี้สำคัญมากๆ ครับ เราจะไม่ใช้เครื่องมือเทรด แต่เราจะใช้เครื่องมือในการ confirm การตัดสินใจเท่านั้นครับ เพราะถ้าใช้เครื่องมืออย่างเดียว สังเกตได้ว่าวันนึงจะมีให้เป็นเป็นร้อยครั้งครับ แต่ความไม่แน่นอนมันมากเกินไปครับ เราดู Market Rhythm กับ Emotion ก่อนดีกว่าครับ
สาเหตุที่ใช้ MACD เพราะว่า MACD เป็นเครื่องมือที่ถือว่าให้สัญญานได้ช้าที่สุด แต่แม่นยำที่สุดครับ เพราะฉะนั้นผมจึงใช้ indy แค่ตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้นครับ ใช้หลายเครื่องมือมันดูดีดูเป็น pro จริงครับ แต่มันเข้าใจยากและก็ไม่ค่อยมีผลงานดีซักเท่าไหร่ครับ ผมว่าความเป็น Simple เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วครับ วิธีนี้ค่อนข้างจะหวานเย็นนะครับ แต่ confirm ได้ว่าคุณได้กำไรแน่นอนครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกเทรดนะครับ เพียงแต่เราสามารถที่จะหา high probability ที่ดีที่สุดได้ครับ เช่นเทรด 10 ครั้งคุณจะพลาดประมาณ 3 ครั้งครับ หรืออย่างมากก็ 4 ครับ... แต่แนะนำนะครับเล่นแค่ pair เดียวหรือ 2 pair ที่ชอบก็พอนะครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าเราจะได้เข้าได้ทุกจังหวะครับ และก็ถ้าเสียเราจะไม่เสียเป็นดับเบิ้ลครับ
No comments:
Post a Comment